จระเข้พันธุ์ไทย เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ เลี้ยงง่าย โตเร็ว จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่สามารถซื้อขายได้ ตามอนุสัญญาว่า ด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่า และพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ฟาร์มที่ได้รับการรับรองฯ มากกว่า 25 ฟาร์ม ซึ่งปัจจุบันจำนวนจระเข้ในประเทศทั้งหมดมีมากกว่าล้านตัว
จระเข้เป็นสัตว์สมุนไพรที่สำคัญ ชาวเอเชียโดยเฉพาะในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน มีความเชื่อว่าการบริโภคเนื้อจระเข้และเลือดจระเข้ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้และโรคหอบเหนื่อยได้ จระเข้เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่แข็งแรงอยู่รอดจนถึงปัจจุบัน หายใจด้วยปอด แต่เมื่อหายใจแต่ละครั้งสามารถดำรงชีวิตอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานาน เมื่อจระเข้ได้รับบาดเจ็บจากการกัดกันหรือสาเหตุอื่นๆทำให้เกิดบาดแผลขนาดใหญ่และลึก ก็ยังคงสามารถอาศัยอยู่ในน้ำได้โดยที่ระบบภูมิคุ้มกันของจระเข้สามารถต่อต้านการบุกรุกของเชื้อแบคทีเรียและจุลชีพอื่นๆที่อยู่ในน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบาดแผลก็หายได้ในระยะเวลาอันสั้น ผลการวิจัย พบว่า จระเข้มีระบบภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพมากในการต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ได้ดี คุณสมบัติในการต้านจุลชีพนี้จัดเป็นภูมิคุ้มกันที่ได้รับมาตั้งแต่กำเนิดที่สามารถค้นพบได้ในสัตว์หลายชนิด เช่น แมลง กุ้ง ปลา กบ งู วัว หมู ลิง คน ฯลฯ
เลือดจระเข้ที่กระจายหล่อเลี้ยงทุกส่วนของร่างกายจระเข้นั้นมีองค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญทั้งในส่วนที่เป็นสารอินทรีย์ สารอนินทรีย์ รวมถึงแร่ธาตุต่างๆ ทำหน้าที่เป็นสารอาหาร สารภูมิคุ้มกัน สารออกฤทธิ์ต้านสภาวะต่างๆ ในการเพาะเลี้ยงจระเข้ไม่มีการใช้ยา และวัคซีน ไม่มีการใช้สารกระตุ้นการเจริญเติบโต ไม่มีรายงานการติดเชื้อโรคที่สำคัญในจระเข้ เช่นโรคปาก และเท้าเปื่อย โรคแอนแทรกซ์ โรควัวบ้า โรคไข้หวัดนก โรคปรสิต ฯลฯ “เลือดจระเข้เป็นแหล่งของวัตถุดิบที่มีค่า และความสำคัญต่อการนำมาใช้ และประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่าเลือดสัตว์อื่นๆ”
ปัจจุบันมีการนำงานวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับเลือดจระเข้ มาสร้างเป็นนวัตกรรมในด้านการบำรุงสุขภาพ การนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างแพร่หลาย
